อยากสุขภาพดี หยุดดื่มกาแฟผิดเวลา

อยากสุขภาพดี หยุดดื่มกาแฟผิดเวลา

การเลือกเวลาดื่มกาแฟมีผลโดยตรงต่อประโยชน์ที่ได้รับจากคาเฟอีน หากดื่มในช่วงเวลาที่เหมาะสม ไม่เพียงช่วยเพิ่มความสดชื่น แต่ยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคบางชนิด มาดูกันว่าเวลาที่เหมาะสมมีช่วงไหนบ้าง

  1. ช่วงเช้า (9-11 โมงเช้า): หากคุณดื่มกาแฟในช่วงนี้ คาเฟอีนจะช่วยเพิ่มความตื่นตัวโดยไม่กระทบต่อระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลที่ทำงานในช่วงแรกหลังตื่นนอน การดื่มช่วง 9-11 โมงเช้าจะช่วยให้คุณสดชื่นยาวนานยิ่งขึ้น
  2. ช่วงบ่ายหลัง 1-3 โมงเย็น: หลายคนรู้สึกง่วงนอนหลังมื้อกลางวัน การดื่มกาแฟในช่วงบ่ายจะช่วยกระตุ้นสมองให้ทำงานต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลีกเลี่ยงการดื่มหลังบ่าย 3 โมงเพราะอาจกระทบการนอน
  3. ดื่มตามปริมาณที่เหมาะสม: ควรจำกัดการดื่มไม่เกิน 2-3 แก้วต่อวัน เพราะการดื่มเกินขนาดอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น นอนไม่หลับหรือรู้สึกตื่นเต้นเกินไป
  4. คำนึงถึงสภาพร่างกายของแต่ละคน: ไม่ใช่ทุกคนที่จะตอบสนองต่อคาเฟอีนได้ในลักษณะเดียวกัน บางคนอาจมีความไวต่อคาเฟอีนมากกว่าคนอื่น ๆ หากคุณรู้สึกกระวนกระวายหรือนอนไม่หลับแม้จะดื่มกาแฟเพียงแก้วเดียวในช่วงบ่าย แนะนำให้ลดปริมาณลง หรือหันมาดื่มกาแฟที่ไม่มีคาเฟอีนแทนในช่วงเย็น
  5. ดื่มกาแฟควบคู่กับน้ำเปล่า: คาเฟอีนมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ดังนั้นการดื่มกาแฟมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำได้ง่าย เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ ควรดื่มน้ำเปล่าควบคู่ไปกับกาแฟ โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อนหรือวันที่ทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก
  6. คำนึงถึงคุณภาพของกาแฟ: นอกจากการเลือกเวลาแล้ว คุณภาพของกาแฟก็สำคัญเช่นกัน กาแฟที่ดีควรเป็นกาแฟสดที่ไม่มีสารปรุงแต่งเพิ่ม เช่น น้ำตาลหรือนมที่มากเกินไป เพื่อให้ได้ประโยชน์จากกาแฟอย่างแท้จริง
  7. การดื่มกาแฟที่เหมาะสมทั้งในด้านของเวลาและปริมาณ จะช่วยเสริมสร้างประโยชน์ให้กับสุขภาพ เช่น ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวานชนิดที่ 2 และเสริมสร้างการทำงานของสมองให้มีประสิทธิภาพ

วิธีออกกำลังกล้ามท้อง สำหรับมือใหม่

วิธีออกกำลังกล้ามท้อง สำหรับมือใหม่

มีหลายวิธีในการออกกำลังกล้ามท้อง ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย อุปกรณ์ และพื้นที่ของคุณ

สำหรับมือใหม่

  • ท่า Crunch: นอนหงาย งอเข่า เท้าราบกับพื้น วางมือไว้ข้างลำตัว เกร็งหน้าท้องแล้วดันศีรษะและลำตัวขึ้นเล็กน้อย ค้างไว้ 1-2 วินาที แล้วผ่อนลง ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง
  • ท่า Reverse Crunch: นอนหงาย งอเข่า 90 องศา ยกสะโพกขึ้นจากพื้น เกร็งหน้าท้อง ดึงเข่าเข้าหาอก ค้างไว้ 1-2 วินาที แล้วผ่อนลง ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง
  • ท่า Plank: วางศอกและปลายเท้าลงบนพื้น ลำตัวตรง เกร็งหน้าท้อง ค้างไว้ 30-60 วินาที

สำหรับผู้ที่มีพื้นฐาน

  • ท่า Russian Twist: นั่งหงาย งอเข่า 90 องศา ยกเท้าลอยขึ้นจากพื้น เกร็งหน้าท้อง บิดลำตัวไปทางซ้ายและขวา สลับกัน ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง
  • ท่า Leg Raise: นอนหงาย ยืดขาตรง เกร็งหน้าท้อง ยกขาขึ้นตั้งฉากกับพื้น ค้างไว้ 1-2 วินาที แล้วผ่อนลง ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง
  • ท่า Mountain Climber: อยู่ในท่า Plank ดึงเข่าเข้าหาอกสลับซ้ายขวา ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง

สำหรับผู้ที่มีอุปกรณ์

  • ใช้ล้อออกกำลังกาย (Ab Roller): คุกเข่าลง วางล้อไว้ด้านหน้า เกร็งหน้าท้อง กลิ้งล้อไปด้านหน้า กลับมาท่าเดิม ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง
  • ใช้ลูกบอลยาง (Exercise Ball): นั่งบนลูกบอล งอเข่า 90 องศา เกร็งหน้าท้อง โน้มตัวไปด้านหลัง กลับมาท่าเดิม ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง

ข้อแนะนำ

  • วอร์มอัพก่อนออกกำลังกายทุกครั้ง
  • ยืดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย
  • ควบคุมอาหาร เลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ

Refer: https://www.sanook.com/men/87389/

รู้ยัง !? ‘ไข่ไก่’ ช่วยต้าน 3 โรคร้ายได้

รู้ยัง !? ‘ไข่ไก่’ ช่วยต้าน 3 โรคร้ายได้

รู้ยัง !? 'ไข่ไก่' ช่วยต้าน 3 โรคร้ายได้

ไข่ไก่ นับว่าเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ไม่ว่าบ้านไหนก็ต้องมี เพราะไข่ไก่สามารถนำมาประกอบเป็นเมนูอาหารได้ง่ายๆ ไม่รู้จะกินอะไร ก็นึกถึงเมนูไข่เอาไว้ก่อน รู้รึเปล่า !? ว่าเจ้าไข่ไก่ฟองแค่นี้จะอุดมไปด้วยสารอาหารที่ร่างกายต้องการ ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ ที่สำคัญ ไข่ไก่นี่แหละที่ยังช่วยป้องกันโรคร้ายไม่ให้เกิดกับเราได้อีกด้วยนะ จะเป็นโรคไหนกันบ้าง ลองตามมาอ่านไปพร้อมๆ กันเลย

3 โรคร้ายที่ต้านทานได้ด้วยการกิน ‘ไข่ไก่’

1. โรคหัวใจขาดเลือด

ในไข่ไก่ 1 ฟอง ประกอบไปด้วยโปรตีน ไขมันดี วิตามิน กรดอะมิโนจำเป็น โอเมก้า 3 และแร่ธาตุอื่นๆ อยู่มาก ส่วนไขมันที่ได้จากไข่แดงเป็นไขมันอิ่มตัว ซึ่งไขมันอิ่มตัวและโอเมกา 3 ที่มีอยู่ในไข่ไก่นี่แหละจะช่วยลดอัตราการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดได้เป็นอย่างดี ใครที่กินไข่ไก่ในปริมาณที่พอเหมาะและเป็นประจำ ก็จะมีสุขภาพหัวใจที่ดี แข็งแรง เห็นแบบนี้ต้องหันมาบริโภคไข่ไก่กันได้แล้วนะ

2. โรคมะเร็ง

ไข่ขาวที่อยู่ในไข่ไก่จะมีกรดอยู่ตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘กรดเซียริก‘ ทำหน้าที่ดักจับเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดมะเร็ง โดยกรดเซียริกนี้จะอยู่ที่ขั้วของไข่ขาวที่อยู่บริเวณข้างซ้ายและข้างขวาของไข่แดง มีลักษณะเป็นเยื่อสีขาวคล้ายเชือก คอยจับไข่แดงให้อยู่ตรงกลางฟอง ใครที่ไม่ชอบกินไข่แดงให้รีบหันมากินไข่ขาวด่วนๆ วัน 1 – 2 ฟอง แค่นี้ร่างกายของเราก็จะห่างไกลจากโรคมะเร็งได้แล้วล่ะ

3. โรคสมองเสื่อม

ภายในไข่ไก่จะมีแร่ธาตุที่ชื่อว่า ‘โคลีน‘ ซึ่งเป็นส่วนประกอบของสาร เลซิติน‘ ที่ช่วยบำรุงสมองและมีประโยชน์ต่อสมองของเรามากๆ เมื่อรับสารตัวนี้เข้าไปก็จะช่วยประสิทธิภาพความจำ ป้องกันการทำงานที่ผิดปกติของระบบประสาท ทั้งยังช่วยชะลอการเกิดโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุได้อีกด้วย ฉะนั้น แนะนำว่าควรให้ผู้สูงอายุกินไข่ไก่อย่างน้อยวันละ 1 ฟอง จะช่วยบำรุงความจำของเราได้มากเลยทีเดียว