ราคาทองคําวานนี้ ปิดปรับตัวลดลง 2.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากในระหว่างวันราคาทองคําพุ่งขึ้นผ่านทะลุกรอบแนวต้านจนเกิดแรงซื้อตามที่ผลักดันให้ราคาขึ้นไปแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,568.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่ราคาจะร่วงลงมาเคลื่อนไหวในแดนลบหลังจากประเทศผู้บริโภคทองคําอันดับหนึ่งของโลกอย่างจีนกําลังเผชิญกับการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่ทําให้เกิดโรคปอดอักเสบ และสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ ซึ่งการระบาดของโรคมีแนวโน้มจะทําให้ชาวจีนหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วง Golden week และอาจจะกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของชาวจีนในช่วงหยุดยาวตรุษจีน รวมถึงอาจส่งผลต่อแรงซื้อทองคําในช่วงก่อนหน้าเทศกาลตรุษจีน ซึ่งถือเป็นเทศกาลซื้อทองคําที่ใหญ่ที่สุดที่มาจากผู้บริโภครายเดียว จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กดดันให้เกิดแรงขายเข้าสู่ตลาดทองคํา อย่างไรก็ดี ราคาทองคําลดช่วงติดลบในเวลาต่อมา หลังจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นครั้งแรกในสหรัฐ ความวิตกว่าสหรัฐอาจเกิดการระบาดของโรคส่งผลกดดันให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบนําโดยการดิ่งลงของหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มโรงแรม จึงส่งผลให้เกิดแรงซื้อทองคําในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเข้ามาอีกครั้ง สําหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐ
ที่มา ylgbullion.co.th
ป้ายกำกับ: ข่าวราคาทอง
ข่าวราคาทองคำ 25 มิถุนายน 2562 (ภาคเช้า)
ราคาทองย้อนหลัง ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 20.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคํายังได้รับแรงหนุนจากประเด็นหลัก 2 ประเด็น คือ การอ่อนค่าของสกุลเงิน ดอลลาร์ท่ามกลางการคาดการณ์ 100% เต็มว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะตัดสินใจปรับ “ลด” อัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ที่น่าสนใจ คือ เทรดเดอร์มองเห็นโอกาสมากกว่า 40% ที่เฟดจะปรับ “ลด” อัตราดอกเบี้ยถึง 50 basis points ในการประชุมเดือนหน้าอีกด้วย สถานการณ์ดังกล่วกดดันดอลลาร์จนเพิ่มความน่าดึงดูดของทองคํา อีกประเด็นหนึ่งที่หนุนทองคําในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ได้แก่ สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่าน หลังจากเมื่อคืนนี ”ทรัมป์ “ลงนามคําสั่งประธานาธิบดีประกาศควํ่าบาตรต่ออย่าตอลเลาะห์ อาลี คาเมนี ผู้นําสูงสุดของอิหร่าน ซึ่งจะทําให้เขาไม่สามารถทําธุรกรรมทางการเงินกับสหรัฐ และยังได้ควํ่าบาตรต่อผู้นําทางกองทัพของอิหร่านที่เกี่ยวข้องกับการยิงขีปนาวุธโจมตีโดรนของสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปัจจัยบวกที่กล่าวมาข้างต้นช่วยหนุนให้ราคาทองคําทะยานขึ้นราว 1.5% เมื่อคืนนี้ และปรับตัวขึ้นต่อในช่วงเช้าวันนี้ ที่ตลาดเอเชียจนแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 ปี ครั้งใหม่ ด้านกองทุน SPDR เดินหน้าถือครองทองคําเพิ่มอีก +2.93 ตันสําหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภค จาก CB ยอดขายบ้านใหม่และดัชนีการผลิตจากเฟดสาขาริชมอนด์ ที่มา ylgbullion.co.th
วิเคราะห์ราคาทองคำ 26 กุมภาพันธ์ 2562(ภาคบ่าย)
ราคาทองคําช่วงเช้าแกว่งตัวสลับขึ้นลงในกรอบจำกัด เมื่อราคาทองอ่อนตัวลงยังมีแรงซื้อเข้ามาพยุงไว้เนื่องจากดอลลาร์มีทิศทางอ่อนค่าลง ขณะที่ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น ขานรับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่มีแนวโน้มเชิงบวกต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวานนี้ปธน.ทรัมป์ของสหรัฐ ระบุว่า เขาอาจลงนามในข้อตกลง เพื่อยุติสงครามการค้ากับปธน.สีจิ้นผิงของจีน เร็วๆนี้หากทั้ง 2 ประเทศสามารถจัดการประเด็นที่มีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันที่ค้างคา อยู่ได้อย่างไรก็ตามตลาดรับข่าวประเด็นนีพอสมควรแล้ว และยังต้องรอติดตามว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้จริงอย่างที่คาดหวังได้หรือไม่ เนื่องจากประเด็นนี้มีความไม่แน่นอนมากขึ้น หลังนายอันนีพอร์ดิว รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรสหรัฐระบุว่า สหรัฐจะยังคงเดินหน้ากดดันจีนใน ประเด็นการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา แม้จีนให้คํามั่นซื่อถั่วเหลืองสหรัฐ 10 ล้านตันในระยะใกล้นอกจากนี้นักลงทุนรอจับตาการ Testifies ของเจอ โรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจําวุฒิสภาในวันนั้นและต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจํา สภาผู้แทนราษฎรในวนพุธนี้ด้านปัจจัยทางเทคนิคประเมินว่า หากราคาทองปรับตัวลงมาพอเข้าใกล้โซนแนวรับ 1,321-1,314 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจมีแรงดีดกลับ เบื้องต้นอาจต้องระวังแรงขายกลับลงมาอีกครั้งหากราคาทองยังไม่มีแรงซื้อมากพอหรือมีปัจจัยใหม่มาดุนราคาทองขึ้นโดยประเมินแนว ต้านที่ 1,333-1,335 ดอลลาร์ต่อออนซ์แนะนํากลยทธุ์การลงทุน รอจังหวะเข้าซื้อ โดยอาจซื้อบริเวณ 1,321-1,314 ดอลลาร์ต่อออนซ์และตัดขาดทุน หากหลุด 1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์ลงมาและสําหรับนักลงทุนที่ถืออยู่แนะนําทยอยทํากําไรตั้งแต่ราคา 1,333-1,335 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่มา ylgbullion.co.th
บทวิเคราะห์ราคาทอง ภาคเช้า 30 มกราคม 2562
ราคาทองคํา วานนี้ ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากในระหว่างวันดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนบริเวณ 1,311.99 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคําได้รับแรงหนุนจากความวิตกเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่อาจเผชิญกับความไม่แน่นอนหลังผู้บริหารและบริษัทในเครือหัวเว่ย
เทคโนโลยี 2 แห่งถูกสหรัฐตั้งข้อหาอาญา ซึ่งช่วยหนุนทองคําในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย รวมไปถึงการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ย พร้อมกับอาจมีการส่งสัญญาณชะลอการคุมเข้มนโยบายการเงิน และยอมรับถึงความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นในการประชุมที่กําลังจะเสร็จสิ้นลงในช่วงกลางดึกของคืนวันนี้ ขณะที่เมื่อคืนนี้ รัฐสภาอังกฤษได้ลงมติผ่านร่าง Brexit ฉบับแก้ไขที่ค้าน Brexit แบบไร้ข้อตกลงและร่าง Brexit ฉบับแก้ไขอีกฉบับที่เรียกร้องให้เสนอแผนทางเลือกต่อนโยบาย Backstop ซึ่งเป็นประเด็นที่ EU ระบุว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจึงทําให้ Brexit ยังคงตกอยู่ในความไม่แน่นอนต่อไป ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคําเพิ่มวานนี้ อีก +8.23 ตัน สําหรับวันนี้ จับตาผลการประชุมเฟดและการเปิดเผย FOMC Statement รวมไปถึงถ้อยแถลงของประธานเฟด หากเฟดส่งสัญญาณในเชิงพิราบ (Dovish) จริงดังคาดปัจจัยดังกล่าวจะหนุนราคาทองคํา และติดตามการเปิดเผยการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADPของสหรัฐ ที่มา ylgbullion
บทวิเคราะห์ราคาทอง ภาคบ่าย 28 สค 61
ราคาทองคําช่วงเช้าอ่อนตัวลงเล็กน้อย หลังวานนี้ดีดตัวขึ้นแตะ 1,212.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อปธน.ทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐและเม็กซิโกบรรลุข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ที่เรียกว่า “United States-Mexic o Trade Agreement” ซึ่งจะนํามาใช้ แทนข้ อตกลงการค้าเสรีแถบอเมริกาเหนือ(NAFTA)
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ เชื่อมั่นว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนเกษตรกรและผู้ ผลิตของทั้งสองประเทศ ปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นแรงขายดอลลาร์ ส่งผลหนุน ยูโรและราคาทองคํา อย่างไรก็ตามราคาทองคําเผชิญแรงขายทํากําไรสลับออกมา เนื่องจากแคนาดายังไม่อยู่ในขอตกลงทางการค้าดังกล่าว ซึ่ง ปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า เขาจะโทรศัพท์หารื อกับจัสติน ทรู โด นายกฯแคนาดา เกี่ยวกับการทําข้อตกลงร่วมกัน
แต่ทรัมป์ ก็ได้ ขู่ในขณะเดียวกันว่า หากแคนาดาปฏิเสธ สหรัฐก็พร้อมจะเก็บภาษีสินค้านําเข้าจากแคนาดาเพิ่มเติม ขณะที่ฝั่งรัฐบาลแคนาดาแถลงการณ์ว่า จะลงนามในข้อตกลงฉบับใหม่ ก็ต่อเมื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนแคนาดาเท่านั้น ปัจจัยดังกล่าวหนุนดอลลาร์และกดดันราคาทองคําระยะสั้น ซึ่งนักลงทุนยังรอติดตามว่าสหรัฐและแคนาดาจะมีการเจรจาหารือเพื่อบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้ หรือไม่
สําหรับวันนี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ อาทิ ดัชนีราคาบ้านโดย S&P/CS, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีภาคการผลิตจากเฟดริชมอนด์ ด้านปัจจัยทางเทคนิคประเมินว่า หลังจากราคาทองคําดีดตัวขึ้นในระยะสั้นในช่วงก่อนหน้านี้ และมีแรงขายทํากําไรสลับออกมาแต่ไม่มาก แสดงให้เห็นถึงการแกว่งตัวในทิศทางที่ค่อยๆขยับขึ้น อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถยืนเหนือ 1,217 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ต้องระมัดระวังแรงขายที่อาจออกมาเพิ่มขึ้น อาจกดดันราคาให้ ลงสู่แนวรับระดับ 1,194-1,182 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนําเน้นทํากําไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว โดยเข้าซื้อเฉพาะเมื่อราคาปรับตัวลงมาบริเวณแนวรับ 1,194-1,182 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่การขายอาจพิจารณาโซน 1,217 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่มา ylgbullion